ในยุคปัจจุบันที่คนมีบัตรเครดิตกันแทบทุกคน ทำให้มีคนเป็นหนี้บัตรกันมาก เนื่องจากขาดวินัยในการใช้ จนทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงตามเวลา หรือในขณะเดียวกันบางคนก็ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน จากการตกงานกะทันหัน หรือบริษัทปิดกิจการจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้มีหนี้บัตรเครดิตคงค้างที่ไม่สามารถใช้หนี้ได้ การรีไฟแนนซ์จึงเป็นวิธีการที่จะมาช่วยแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตได้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร แก้ปัญหาปิดหนี้ได้ดีจริงไหม และใครบ้างที่ทำได้ เรามาดูกัน
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็เหมือนกับการรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์รถ คือการกู้สินเชื่อเงินก้อนใหม่ เพื่อนำมาชำระหนี้เก่าที่คงค้างอยู่ เป็นวิธีแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตประเภทหนึ่ง โดยมีหลักการคือ หาสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อย้ายหนี้ก้อนเดิมออกไป และขอกู้เงินจากสถาบันการเงินนั้นเพื่อมาชำระหนี้ จากนั้นค่อยทำการผ่อนคืนเงินที่กู้มาในภายหลัง ซึ่งการขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้น เป็นที่นิยมสำหรับคนที่เกิดปัญหาจากการมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ และพอรวมกันมาก ๆ แล้วไม่สามถารใช้หนี้ได้ หรือที่เรียกว่าผ่อนไม่ไหวนั่นเอง จึงต้องการย้ายหนี้ทั้งหมดนั้นมารวมไว้เป็นก้อนเดียวและผ่อนจ่ายเพียงเจ้าเดียว เพื่อเป็นการลดดอกเบี้ย และชำระในอัตราที่ถูกลงจากเดิม เป็นการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้น้อยลง ข้อดีที่สำคัญเลยคือดอกเบี้ยมักจะถูกกว่า ทำให้เราสามารถยืดระยะเวลาการผ่อนได้นาน ไม่ต้องผ่อนหนัก ๆ เหมือนตอนเป็นหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ รวมถึงในเวลาที่เราขาดรายได้ ไม่มีงานทำ วิธีนี้จะช่วยจัดการกับปัญหาหนี้ที่มีอยู่ได้
สำหรับทุกคนที่มีบัตรเครดิตและมีปัญหาในการชำระหนี้ สามารถยื่นกู้ขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ทุกคน แต่จะอนุมัติผ่านหรือไม่ ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ นั้นอีกที ซึ่งโดยส่วนมากถ้าต้องการขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตให้ผ่าน จะต้องมีประวัติทางการเงินที่ดี ไม่มีหนี้ค้าง ไม่มีประวัติเสีย และมีงานประจำทำ มีรายได้ที่แน่นอน จะสามารถยื่นรีไฟแนนซ์ผ่านได้ไม่ยาก
การมีหนี้สินไม่มีใครอยากที่จะให้เกิดกับตัวเอง แต่เมื่อเข้าสู่ภาวะวิกฤตการเงินฝืดเคือง ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องหาวิธีในการแก้ปัญหาหรือจัดการหนี้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นอีกวิธีที่จะช่วยได้ เพราะเราจะได้รับเงินก้อนเพื่อมาชำระหนี้ค้าง เป็นการลดภาระโดยเฉพาะคนที่มีบัตรหลายบัตรหรือเป็นหนี้หลายแหล่ง ทั้งยังช่วยลดดอกเบี้ยให้น้อยลงด้วย ทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนต่อเดือนได้ เพราะสามารถพูดคุยประนีประนอมกับสถาบันการเงิน และตกลงระยะเวลาในการชำระหนี้ที่เราสามารถผ่อนต่อเดือนไหวตามสภาพคล่องของตนเอง ที่สำคัญหลาย ๆ สถาบันการเงินจะใช้อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเหมือนกับการผ่อนบ้าน เมื่อเราชำระหนี้ไปแล้วเงินต้นเราลดลง ดอกเบี้ยจะลดลงไปด้วยเพราะคิดจากยอดเงินต้น ทำให้เราสามารถวางแผนทางการเงินได้ใหม่ เพราะได้เคลียร์หนี้เก่าทั้งหมดให้เรียบร้อย และย้ายมาผ่อนคืนกับแหล่งการเงินเดียวเท่านั้น เป็นการใช้หนี้ก้อนใหม่ที่จะช่วยให้มีสภาพคล่องกว่าเก่านั่นเอง
จะรีไฟแนนซ์ธนาคารใหม่ หรือขอลดดอกเบี้ยธนาคารเดิม แบบไหนดีกว่ากัน
นอกไปจากการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่แล้วนั้น ยังมีอีกวิธีที่จะช่วยจัดการกับหนี้บัตรเครดิตได้ คือ การเจรจาขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม แต่ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก เพราะดอกเบี้ยที่ลดลงจะไม่เยอะเท่ากับการขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารแห่งใหม่ แต่มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และไม่เสียเวลาในการยื่นเรื่อง รวมถึงคนที่มีประวัติการใช้หนี้ที่ไม่ค่อยดีนัก ก็อาจจะขอรีไฟแนนซ์ไม่ผ่าน จำต้องเลือกวิธีขอลดดอกเบี้ยกับทางธนาคารเดิมแทน
ส่วนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต แน่นอนว่ามีข้อดีเด่นชัดเลยคือ ดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิมมาก จึงเป็นวิธีที่คนนิยม เพราะเงินที่ผ่อนชำระไปในแต่ละเดือนจะไปลดจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยลง ทำให้ผ่อนชำระหมดไวขึ้น อีกทั้งธนาคารต่าง ๆ มักจะมีข้อเสนอหรือโปรโมชั่นที่จูงใจมากมาย ทำให้เราสามารถเลือกสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยถูกและคุ้มค่าที่สุดได้ แม้ว่าจะมีการเสียค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แต่ถ้าคำนวณดูแล้วอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไปมากนั้น ทำให้การเสียค่าธรรมเนียมจัดว่าคุ้มกว่าอยู่ดี ส่วนข้อเสียที่พบเลยคือ มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลา เพราะต้องใช้เวลาพิจารณาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารว่าที่ไหนให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุด รวมถึงอย่างที่บอกไปว่าหากใครที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดีนัก โอกาสที่จะขอรีไฟแนนซ์ผ่านก็ยากตามไปด้วย
แม้ว่าการขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เป็นวิธีที่คนนิยมใช้เพื่อจัดการกับปัญหาหนี้เก่ากันมาก เพราะดอกเบี้ยที่ถูกลงจากเดิมเยอะ ทำให้สามารถปิดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว และไม่เหนื่อยมากในการย้ายมาผ่อนที่ใหม่ สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาในเรื่องของหนี้บัตรเครดติอยู่นั้น ลองพิจารณาวิธีรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตดู และอย่าลืมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินแต่ละแห่งก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เราได้จ่ายดอกเบี้ยที่ถูกและคุ้มค่าที่สุดด้วย