สำหรับคนที่กำลังมองหาเทคนิคสำหรับลดน้ำหนัก แต่ไม่มีเวลาที่จะออกกำลังหาย สามารถเลือกใช้วิธีการควบคุมอาหารแทนได้ เพราะการควบคุมอาหารสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยควบคุมสัดส่วนต่าง ๆ ทั้งพลังงานที่ควรจะได้รับ รวมไปถึงแคลลอรี่ที่จะต้องควบคุมให้เหมาะสมด้วย
สำหรับเทคนิคที่ 1 คือการเลือกรับประทานขนมปังหรือข้าวที่ไม่ใช่แป้งขาว เนื่องจากสารอาหารที่อยู่ในแป้งขาวจะมีน้ำตาลที่สูง มีคาร์โบไฮเดรต แต่ไม่มีไฟเบอร์หลงเหลืออยู่ เพราะได้ผ่านกรรมวิธีการขัดสีออกไปแล้วจากผู้ผลิตสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักการรับประทานแป้งขาวในปริมาณที่มากจะทำให้เกิดสะสมไขมันไว้ในร่างกาย และไม่ขับถ่ายออกไปทำให้มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักควรเลือกรับประทานขนมปังแบบโฮลวีต หรือการเลือกรับประทานข้าวกล้องแทนจะดีที่สุด
สำหรับเทคนิคที่ 2 เป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก คือการเลือกดื่มน้ำอัดลม เนื่องจากทำร่างกายรู้สึกสดชื่อหลังจากที่ทำงานหรือเล่นกีฬามาอย่างหนัก และในน้ำอัดลมยังมีน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมากผสมอยู่กับน้ำอัดลมและยังมีแก๊สต่าง ๆ ที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลจำนวนมาก และเมื่อน้ำตาลเกิดการสะสมภายในร่างกายจะทำให้สารอนุมูลอิสระทำงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ร่างกายมีความอ้วน และผิวหนังมีความหย่อนคล้อย เพราะฉะนั้นถ้าหากต้องการลดความอ้วนควรจะต้องทำการงดน้ำอัดลม หรือจะให้ดื่มได้เพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
สำหรับเทคนิคที่ 3 คือการไม่ปล่อยให้ตนเองหิวจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดการทำงานหนัก รวมไปถึงจะต้องนำของเสียในร่างกายที่ขับออกไปสะสมแล้วกลับเช้าสู่ร่างกาย และเมื่อเกิดอาการหิวจัดจะทำให้รับประทานอาหารได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดความอ้วนได้ เพราะฉะนั้นควรจะรับประทานอาหารเมื่อเริ่มหิว หรือเมื่อถึงเวลาที่ต้องรับประทานเท่านั้น และควรจะรับประทานอาหารให้ตรงเวลา เพื่อช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างปกติจะได้ทำการขับถ่ายของเสียและไขมันที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายออกไป
เทคนิคที่ 4 พักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับเทคนิคที่ 4 คือการทำให้ร่างกายได้พักผ่อนที่เพียงพอ ร่างกายต้องการเวลาในการพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน การพักผ่อนให้เพียงพอใน 1 วันจะช่วยลำน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เนื่องจากร่างกายได้พักผ่อนและขณะที่ร่างกายหลับสนิทจะทำให้ระบบในร่างกายทำการหลังสารฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่สึกหรอ รวมไปถึงการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพื่อใช้ในการขับของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายออกจากร่างกายในเวลาที่ตื่นนอนตอนเช้า แต่ถ้าหากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือนอนเพียงแค่ 4-5 ชั่วโมงต่อวันจะทำให้ระบบต่างในร่างกายทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้อ้วนเพราะระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เทคนิคที่ 5 ควรเลือกรับประทานสลัดผักเป็นประจำ
สำหรับเทคนิคที่ 5 คือการเลือกรับประทานสลัดผักเป็นอาหารหลัก เนื่องจากในผักมีไฟเบอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ ช่วยให้ร่างกายเกิดการขับถ่ายของเสียที่สะสมอยู่ในร่างกายและลดไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้ผิวหนัง เมื่อไขมันเกิดการสะสมมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา และอาจจะทำให้เกิดผิวแตกลากเนื่องจากมีไขมันสะสมมากเกินไปหรือที่เรียกว่าเซลลูไลท์ เพราะฉะนั้นถ้าหากรับประทานสลัดผักเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับทั้งไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระรวมไปถึงวิตามินต่าง ๆ ที่จำเป็นและสำคัญต่อร่างกาย
เทคนิคที่ 6 ดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
สำหรับเทคนิคที่ 6 คือการดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หรือมากกว่าวันละ 6-8 แก้วต่อวันจะช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่มากจะช่วยให้ร่างกายเกิดการขับถ่ายของเสียออกมาทางปัสสาวะ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบเผาผลาญในร่างกาย เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้เปลี่ยนไขมันที่สะสมในร่างกายมาเปลี่ยนเป็นพลังงานในการทำกิจกรรมหรือการทำงานแทน ก็จะไม่ทำให้เกิดไขมันสะสมในบริเวณอื่นของร่างกายและไม่ทำให้เกิดความอ้วน
เทคนิคที่ 7 ควรงดกินเค็มจะช่วยลดน้ำหนักได้
สำหรับเทคนิคที่ 7 คือการงดกินเค็มมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการเติมความเค็มด้วยน้ำปลาหรือเกลือ ก็ควรรับประทานอย่างเหมาะสม เพราะการรับประทานแต่อาหารที่มีความเค็มมากจะทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ เพราะเมื่อได้รับรสเค็มมากก็จะทำให้ร่างกายต้องการน้ำและน้ำเปล่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะลดความเค็มได้ อาจจะเลือกดื่มน้ำหวานแทน และจะทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ตนเองอ้วนหรือกำลังลดน้ำหนักควรจะงดการกินเค็มจะดีที่สุด
เทคนิคที่ 8 การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด
สำหรับเทคนิคที่ 8 คือ การปรุงรสอาหารที่จะรับประทานให้มีรสเผ็ดจัด เพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้แก่ร่างกาย โดยปกติแล้วถ้ารับประทานเผ็ดจะทำให้ร่างกายเกิดความร้อนภายใน ซึ่งมาจากที่ร่างกายได้รับรสเผ็ดที่มากเกินไปและจะขับถ่ายของเสียออกมาจากร่างกายผ่านทางผิวหนัง ดวงตาโดยอาจจะออกมาเป็นเหงื่อ หรือน้ำตา นอกจากนี้ถ้าหากรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัดเป็นประจำจะช่วยสารอาหารที่อยู่ในพริกจะช่วยเร่งการเผาผลาญ ยังยั้งการเกิดริ้วรอย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเรียกได้ว่าสามารถช่วยได้ทั้งลดน้ำหนักและลดริ้วรอย
เทคนิคที่ 9 จดบันทึกอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ
สำหรับเทคนิคที่ 9 คือการเลือกจดบันทึกว่าใน 1 วันและ 3 มื้อตนเองได้รับประทานอาหารชนิดใดไปบ้างและแต่ละประเภทจะมีแคลลอรี่จำนวนเท่าใด และควรจะงดอาหารชนิดใดที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายแต่มีปริมาณแคลลอรี่ที่มาก อย่างเช่น ขนมเค้ก ของหวานทุกชนิด รวมไปถึงน้ำหวานด้วยเป็นต้น ถ้าหากมีการจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยจำแนกได้ว่าอาหารใดที่จำเป็นต่อร่างกาย หรือถ้าหากต้องการของหวานควรเปลี่ยนเป็นรับประทานอาหารรูปแบบอื่นแทนเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก
เทคนิคที่ 10 ควรทำอาหารรับประทานเองเป็นประจำ
สำหรับเทคนิคที่ 10 คือการทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เพราะการทำอาหารรับประทานเองเป็นประจำจะช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงสามารถควบคุมวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เพิ่มความอ้วนให้แก่ร่างกาย เช่นไขมัน น้ำตาล หรือเกลือที่เป็นต้นเหตุทำให้อ้วนได้ หรือถ้าหากไม่มีเวลาในการทำอาหารรับประทานเองทุกวันจะต้องทำการเลือกว่าจะทำอาหารรับประทานเองในวันใด หรืออย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์จะต้องทำอาหารรับประทานด้วยตนเอง
สำหรับเทคนิคการลดน้ำหนักทั้ง 10 เทคนิคสามารถทำตามได้ง่ายใช้อุปกรณ์ไม่มาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักแต่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย จะเลือกเทคนิคใดมาใช้ในการลดน้ำหนักก็ได้ หรือจะนำมาใช้ทั้ง 10 เทคนิคก็จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วควรจะออกกำลังกายด้วย